ในปัจจุบันถึงแม้จะมี AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ให้ผู้ใช้งานเลือกใช้งานได้มากมายตามใจชอบ แต่ในยุคแรก ๆ ของการนำเอา AI มาใช้กันอย่างจริงจังนั้น หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่โด่งดัง เป็นที่คุ้นหูสำหรับหลายคนคงจะหนีไม่พ้น Siri ของ Apple ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่ได้หายไปไหน ยังคงมีการพัฒนาการใช้งานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปกว่าเดิม

จากรายงานโดยเว็บไซต์ Business Standard ได้กล่าวถึงพัฒนาการใหม่ของ Siri ที่จะมาพร้อมกับอัปเดต iOS 19.4 ที่กำลังจะมาถึงในปี ค.ศ. 2026 (พ.ศ. 2569) โดยการพัฒนาในครั้งนี้ ทางแหล่งข่าวได้ระบุว่าเป็นการพัฒนาในระดับยกเครื่องสถาปัตยกรรมของตัว Siri ใหม่ รวมไปถึงการเพิ่มเติมฟีเจอร์เข้ามาอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบตอบสนองแบบปรับแต่งให้เข้ากับผู้ใช้งาน (Personalized Response), การทำงานแบบข้ามแอปพลิเคชัน (Cross-App Functionality), และฟังก์ชันเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอ (On-Screen Awareness) เป็นต้น

สำหรับรายละเอียดของสถาปัตยกรรมใหม่ของ Siri นั้นทางแหล่งข่าวได้ระบุไว้ว่าสำหรับ Siri เวอร์ชันปัจจุบันนั้นมีสถาปัตยกรรมการทำงานในแบบเสมือนกับว่ามี 2 สมอง (Two Brains) โดยสมองแรกจะทำงานกับคำสั่งแบบดั้งเดิม (Legacy) ของ Siri ซึ่งมักเป็นคำสั่งพื้นฐาน เช่น ระบบการตั้งเวลา เป็นต้น ขณะที่อีกสมองหนึ่งจะทำหน้าที่ในการจัดการคำสั่ง และการทำงานในระดับสูงซึ่งมักจะเป็นฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยถึงแม้ทั้ง 2 สมองจะทำงานร่วมกันได้คำสั่ง แต่การเชื่อมโยงกันในการทำงานก็ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันแบบไร้รอยต่อ ซึ่งในเวลาที่ผ่านมานั้นทาง Apple ก็ได้มีความพยายามที่จะรวมระบบการทำงานทั้ง 2 ส่วนของ Siri เข้าเป็นหนึ่งเดียวกันสำหรับ iOS 18.4  แต่ก็ต้องประสบปัญหาบั๊กที่มากมาย จากการที่มีเวลาในการพัฒนาอันจำกัดมาก 

แต่ทางทีมพัฒนาก็ได้ยืนยันว่า สำหรับเวอร์ชันล่าสุดที่จะมากับอัปเดต iOS 19.4 จะไม่มีปัญหาอย่างที่กล่าวมาเนื่องจากเป็นการยกเครื่องสถาปัตยกรรมของระบบใหม่โดยสมบูรณ์ โดยการยกเครื่องในครั้งนี้ ทางตัวแทนทีมพัฒนาได้กล่าวว่า จะมุ่งเน้นไปที่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่เร็วกว่าเดิม ฉลาดกว่าเดิม และเติมเต็มประสบการณ์ใช้งานให้ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจมากกว่าที่เป็นอยู่

ในส่วนของฟีเจอร์ระดับสูงของ Siri ที่ถูกเปิดเผยในงาน WWDC 2024 (Worldwide Developers Conference) ที่จะมาพร้อมกับ iOS 19.4 นั้นมีดังนี้

• On-Screen Awareness: Siri เวอร์ชันนี้จะมาพร้อมกับความสามารถในการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอ และปรับการทำงานให้สอดคล้องกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เช่น เพื่อนส่งที่อยู่ใหม่ผ่านทางข้อความมา ตัว Siri จะรับรู้ และพร้อมให้ผู้ใช้งานสั่งการเพื่อเพิ่มที่อยู่ใหม่ลงบนสมุดบันทึกผู้ติดต่อ (Contact) ที่ตรงกับผู้ส่งได้ทันที
• In-App Actions: สำหรับฟีเจอร์นี้จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Siri, แอปของทาง Apple และ แอปที่พัฒนาโดย 3^rd Partyโดยที่ไม่ต้องแม้กระทั่งเปิดแอปพลิเคชัน เช่น ถ้าเราสั่งงานให้ตัว Siri ค้นหารูป, ปรับแต่ง และเซฟลงบนโฟลเดอร์ที่กำหนด ตัว Siri ก็จะทำงานให้อย่างอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องเปิดใช้งานแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนดังกล่าว ซึ่งความสามารถนี้เป็นส่วนหนึ่งของเฟรมเวิร์กที่มีชื่อว่า App Intents
• Personalization: ตัว Siri จะใช้พลังของ Apple Intelligence ซึ่งเป็น AI รุ่นล่าสุดของทาง Apple ในการดึงข้อมูลจากแอปพลิเคชันภายในต่าง ๆ เช่น Messages, Mail, Calendar, Photos และ Files เพื่อช่วยเหลือในการทำงานของผู้ใช้งาน เช่น ดึงตัวเลขใบขับขี่ของผู้ใช้งานที่ถูกบันทึกไว้ในรูปแบบรูปภาพ เพื่อช่วยกรอกแบบฟอร์มอย่างอัตโนมัติ (Autofill) เป็นต้น

ที่มา : www.business-standard.com